แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอาล่ะครับ ก็ขอให้พวกเราที่เป็นพระสงฆ์ทุกรูป ทุกองค์ ไม่ว่าบวชเก่า หรือว่าบวชใหม่ รวมทั้งแม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ที่นั่งอยู่ ณ บริเวณนี้ ขอตั้งใจเตรียมตัวที่จะปฏิบัติธรรมในเวลาที่ดีที่สุด คือเวลาหัวรุ่ง ซึ่งพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส เรียกว่า โลกเวลา 5 น. เป็นเวลาที่ดีที่สุด พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสรู้ ณ เวลาหัวรุ่งนั่นเอง
การปฏิบัติธรรม คือการต่อสู้กับข้าศึกศัตรูที่ทุกคนยังมีอยู่ ผู้ที่ชนะฆ่าศึกศัตรูอันนี้ได้ ก็คือพระอรหันต์ นอกจากนั้นยังต้องต่อสู้กับข้าศึกศัตรูอยู่ตลอดเวลา ข้าศึกศัตรูที่ว่านี้ก็คือกิเลส ที่เข้ามาทำลายจิตใจของแต่ละคนนั่นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เป็นพระชินะ ชินะ คือผู้ชนะมาร ชนะกิเลส ได้สำเร็จนั่นเอง เพราะฉะนั้นพุทธบริษัท พระพุทธเจ้าเรียกว่า พุทธชิโนรส โอรสก็คือบุตร คือลูกของพระพุทธเจ้า ผู้ชนะมารนั่นเอง ความจริงในธรรมชาติ ถ้ามองให้ดี มีลักษณะต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลา เช่นกลางวันกับกลางคืนมีลักษณะต่อสู้กัน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ขณะนี้เป็นเวลากลางคืน แต่ว่ากลางวันก็คืบคลานเข้ามาทุกที เวลากลางคืนก็หมดไป กลางคืนพ่ายแพ้แก่กลางวัน กลางวันก็ทำหน้าที่ แต่กลางคืนมันก็ต่อสู้ พอเวลาผ่านไป ผ่านไป พอพระอาทิตย์ตก ลับขอบฟ้า กลางวันก็หมดไป กลางคืนก็เข้ามาแทนที่ ลักษณะต่อสู้กัน ฤดูก็เหมือนกัน ฤดูฝน ฤดูร้อน ฤดูหนาว เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นี่คือธรรมชาติ แม้สิ่งมีชีวิต เป็นมด เป็นแมลง เป็นสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ ชีวิตของแต่ละอย่างก็ต้องต่อสู้ ถ้าไม่มีกำลังก็จะพ่ายแพ้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง สัตว์ที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร พอตื่นขึ้นมา เป็นนกหลายๆชนิด เช่น นกกระยาง พวกนกที่มันกินสัตว์อื่นเป็นอาหาร มันเที่ยวหากินจิกกิน เอาชีวิตของสัตว์อื่นมาเป็นอาหารนั่นเอง
ปลาในทะเลที่มันอยู่นี่มันกินปลาเล็กเป็นอาหาร ปลาวาฬตัวใหญ่ๆนี่ มันกินกุ้งคราวหนึ่งเป็นล้านๆนี่ เวลาปลาวาฬมันจะจับกุ้งกินเป็นอาหาร ฝูงกุ้ง กุ้งนี่เป็นล้านๆตัวที่มันเที่ยวไป ปลาวาฬก็ต้อนๆๆ พออยู่เป็นกลุ่ม ปลาวาฬก็ฮุบเอาเลย พวกกุ้งเหล่านี้ก็ตาย ก็เป็นเหยื่อของปลาวาฬ แต่ปลาวาฬนี้มันก็ตาย คนล่าปลาวาฬ คนญี่ปุ่นนี่ชอบกินปลาวาฬ มันมีการล่าปลาวาฬกัน สัตว์ประเภทนี้เบียดเบียนสัตว์ประเภทนั้น ประเภทนั้นก็เบียดเบียนประเภทนี้ มนุษย์เรานะก็เบียดเบียนสัตว์อื่นมากกว่าสัตว์ใดๆที่มันเบียดเบียนกัน เป็นเสือ เป็นสิงโต เป็นจระเข้ เป็นปลาฉลาม เรียกว่าเป็นสัตว์ดุร้าย แต่ว่าไม่ดุร้ายเท่ากับมนุษย์ที่ไปเข่นฆ่าชีวิตของสัตว์อื่น แต่มนุษย์เองก็ถูกสัตว์อื่นเบียดเบียนเหมือนกัน โดยเฉพาะเชื้อโรคหลายๆชนิดที่ทำลายชีวิตมนุษย์ แหม่ ตัวมันเล็กมาก แต่มันรวมตัวกัน แล้วก็มันก็จัดการชีวิตมนุษย์ได้ เช่นเดียวกัน สิ่งมีชีวิตที่คอยทำลายชีวิตมนุษย์เรา พวกแบคทีเรีย พวกไวรัส ที่อยู่ในชีวิตของเรามันมากมาย อยู่ในกระเพาะ อยู่ในลำไส้ อยู่ในกระแสเลือด จุลินทรีย์ต่างๆนี่มันทำลาย คอยทำลายชีวิตของมนุษย์ทุกคน
มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาก็ต้องมีการต่อสู้ แต่ว่าที่คนไม่ค่อยสนใจ ก็คือ สิ่งที่มาทำลายให้ชีวิตเป็นทุกข์ ทำไมชีวิตนี่ คือสิ่งที่สดชื่น เหมือนอย่างต้นไม้ที่มีชีวิต ก็ต้องมีใบ บางเวลาก็ออกดอกออกผล ให้มันมีชีวิต ต้นไม้ที่มันตายนี่ใบก็ไม่มี กิ่งไม้ก็หักโค่นลงมา ก็พอเราอยู่ในป่านี่ต้องระวัง อยู่ใต้ต้นไม้ต้องดูให้ดี วันก่อนที่คนประชุมกันมากๆ กิ่งไม้ผุมันหักลงมา เฉียดหัวคนไปเลย ถ้าถูกคนก็คงไปไม่รอด กิ่งไม้ใหญ่มันหักลงมา เราก็พยายามที่จะสอยลงมา แต่บางทีมันก็ลงเร็ว ก็ต้องระวัง กิ่งไม้ที่มันหักลงมานี่ ก็เพราะว่ามันตายแล้ว ไม่มีชีวิตแล้ว แต่ต้นไม้ที่มันมีใบมีลูก ถ้าลูกมันมากเกินไป มันก็หักลงมาได้เหมือนกัน คราวก่อนกิ่งกระท้อนกิ่งใหญ่ ดี คืนนั้นคนไม่อยู่ คืนก่อนนั้นคนก็อยู่บริเวณนี้ หักลงมา เพราะว่าลูกมันมากเกินไป กิ่งมันต้านทานไม่ไหว หักโค่นลงมา อันนี้คือความไม่แน่นอนของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันมาทำลายให้คนหมดความสดชื่นแจ่มใส ให้คนหมดความสุขนี่ ก็คือกิเลสนั่นเอง ครั้นพอเราตื่นขึ้นมากิเลสก็เข้ามาต่อสู้ทันทีเลย เข้ามาทำลายทันที กิเลสก็น่านับถือเหมือนกัน ถ้าพูดไปแล้วก็น่านับถือ มันจะเข้ามาเมื่อเราตื่นเท่านั้น ขณะที่เรานอนหลับ มันก็ให้โอกาส มีอาการที่ทำสงครามกัน บางเวลาก็พักรบ ในขณะที่หยุดพักรบ ก็ไม่ ไม่ทำร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนี่ง หยุด หยุดพักรบ แล้วก็รบต่อไป ฝ่ายไหนมีกำลัง ฝ่ายนั้นจะชนะ ฝ่ายไหนไม่มีกำลังฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทว่ากำลังนี้หลายอย่าง กำลังอาวุธ กำลังพล กำลังสติปัญญา
การต่อสู้กันนี่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่าง การต่อสู้กันภายนอกมีลักษณะอย่างนี้ ประเทศที่มีอำนาจเขาก็มีกำลัง โดยเฉพาะกำลังอาวุธที่เหนือกว่า กำลังทหาร กำลังจิตใจนี้ก็สำคัญเหมือนกัน อย่างคราวก่อนสงครามเวียดนาม อเมริกันเขามีกำลังมาก กำลังอาวุธ B52 ขนลูกระเบิดไปทิ้งในเวียดนาม เวียดนามนี่เขากำลังอาวุธไม่มากเท่ากับฝ่ายอเมริกัน แต่เขามีกำลังใจ กำลังใจเขาเข้มแข็งมาก ต่อสู้ ก็ตายทั้งสองฝ่าย อเมริกันก็มาตายเยอะ ทหารอเมริกันมาตายในเวียดนาม คนเวียดนามก็ตายเยอะเหมือนกัน ในที่สุดอเมริกันต้องถอยทัพ เพราะประชาชนของเขาก็รับไม่ไหว ว่าเสียงบประมาณมาก เสียเงินมาก ทหารมาตายมาก ไม่ใช่ประเทศของตัวเอง คนเวียดนามเขามีกำลังใจ สรุปก็คือว่าเวียดนามชนะ นี่เวียดนามเหล่านี้เขาก็ต่างก็อพยพไปอยู่อเมริกา ที่เวียดนามมีปัญหาอย่างนี้ก็เพราะแตกเป็นสองฝ่าย เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ อเมริกาสนับสนุนเวียดนามใต้ เวียดนามใต้สู้ไม่ได้ คนเวียดนามฝ่ายเวียดนามใต้ก็ไปอยู่ที่อเมริกา เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนอเมริกันไป ใครมาเข้าคอร์สที่สวนโมกข์นานาชาติเขาลงชื่อว่าเป็นคนอเมริกัน เขามาสัมภาษณ์ผม ผมก็บอก ว่าเออ นี่คุณลงชื่อว่าเป็นคนอเมริกัน แต่หน้าตานี่เป็นคนเอเชีย คุณเป็นคนชาติไหน เขาเป็นคนเวียดนาม แต่ไปอยู่ที่อเมริกา เมื่อไปอยู่อเมริกาบางทีก็มีลูกมีหลานก็เป็นคนอเมริกันไป แต่เป็นคนเวียดนาม ก็ไปทำมาหากิน นี่ก็เรียกว่าสังคมมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัย
อันชีวิตมนุษย์เราที่ต้องต่อสู้ หนักที่สุดคือต่อสู้กับกิเลส ถ้าเอาชนะกิเลสไม่ได้ ชีวิตก็มีแต่เหี่ยวแห้ง มีแต่เศร้าหมอง มีแต่ความทุกข์ ก็เหมือนกับไม่มีชีวิตนั่นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เป็นเผ่านักรบ พระพุทธเจ้าจริงๆเป็นเผ่านักรบ นักรบกับข้าศึกภายนอกนี่ พวกศากยะนี่ถือว่ามีความสามารถมาก แต่ว่านักรบที่สำคัญคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ชนะกิเลสได้สิ้นเชิง ฉะนั้นไม่มีบุคคลใดที่เกิดมาบนโลกนี้ เอาชนะกิเลสได้สำเร็จเป็นคนแรก ก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมาพระองค์ก็สอนให้สาวกของพระองค์เอาชนะกิเลสได้ ก็คือพระอรหันต์จำนวนมากมาย พระพุทธศาสนามีในโลก ก็คือเครื่องมือ คืออาวุธที่ต่อสู้กับกิเลสทั้งหลาย แต่ว่าคนทั่วไปไม่สนใจ ก็เป็นคนพ่ายแพ้ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับตายแล้ว มีชีวิตอยู่แต่จิตใจเศร้าหมอง จิตใจมีปัญหาเพราะพ่ายแพ้ต่อกิเลสนั่นเอง
พวกเราอยู่ที่สวนโมกข์ เป็นวัดของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านทำวัดเอาไว้ เหมือนกับสนามรบ แล้วท่านก็บอกวิธีต่อสู้กับกิเลส อาศัยพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านมาเผยแพร่ เอามาสั่งสอน พวกเรากี่คนไม่สนใจต่อสู้กับกิเลส ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยที่จะต่อสู้กับกิเลส ยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลส ก็ลองพิจารณาดูให้ดีว่าควรจะทำอย่างนี้หรือเปล่า ยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลสไม่คิดจะต่อสู้อะไรเลย ก็ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าได้ประมาทเลย มีชีวิตอยู่ในโลกนี่ต้องพยายามต่อสู้ เหมือนอย่างบางคนพูดว่าชีวิตคือการต่อสู้ ต่อสู้ด้วยธรรมะนี้ คือต่อสู้กับกิเลส ศัตรูภายนอกส่วนใหญ่ก็มาจากศัตรูภายในนั่นเอง ถ้าเราพ่ายแพ้ต่อกิเลสก็จะเป็นผู้ที่มีศัตรูมาก ศัตรูเต็มไปหมด แต่ถ้าเอาชนะกิเลสภายในได้ ศัตรูภายในไม่มี ศัตรูข้างนอกมันก็ไม่มี ก็ไม่เห็นว่าใครเป็นศัตรู แต่ว่าถ้าพ่ายแพ้ต่อกิเลส มันจะมีศัตรูเต็มไปหมด แม้แต่ธรรมชาติดินฟ้าอากาศ ก็เห็นว่ามันเป็นปัญหา เป็นอุปสรรค เป็นศัตรูไปหมด เพราะจิตใจมันพ่ายแพ้ต่อกิเลสภายใน จึงเป็นศัตรูภายใน
ฉะนั้นขอให้ท่านมองให้เห็น วิธีสังเกตพอเราตื่นขึ้นมา จิตมันเป็นอย่างไรบ้าง อารมณ์ร้อน อารมณ์ร้ายมันมีอยู่หรือป่าว ท่านอาจารย์พุทธทาส ยกตัวอย่างว่ากิเลสเหล่านี้ ศัตรูเหล่านี้มีอะไรบ้าง ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความหึง ความหวง อิจฉาริษยา วิตกกังวล กิเลสเหล่านี้มันมีอยู่หรือเปล่า ถ้ากิเลสเหล่านี้ยังมีอยู่ก็พยายามต่อสู้กับมัน อาศัยเครื่องมือที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงเอาไว้ ทีนี้ต่อสู้กับกิเลสก็ต้องเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรมันเป็นแต่เพียงสังขาร เป็นเพียงปรุงแต่งเท่านั้น จะเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิตใจ จะเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งแวดล้อม เป็นบุคคล สัตว์ สิ่งของ ก็แต่เป็นสังขารเท่านั้น ถ้าสังขาร กฎของสังขารคือมันไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นมันเป็นทุกข์ มันทนอยู่ไม่ได้ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นก็ไม่ควรยึดถือว่าเราว่าของเรา ถ้าใครทำจิตใจให้มันว่าง จากความรู้สึกว่าเราลงได้ นั่นก็คือการชนะ ชนะฆ่าศึก
ต่อไปนี้ก็ขอให้ท่านทั้งหลายสนใจอาศัยสังขารเป็นเครื่องมือ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก นี่เป็นกายสังขาร จิตที่คิดนึกเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็เป็นสังขาร พาจิตมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าก็ตามลมไป หายใจออกก็ตามลมมา จนจิตได้สมาธิ ถ้ามีสติ มีสัมปชัญญะ มีความเพียร กิเลสก็เข้ามาไม่ได้ ถ้าได้สมาธิก็พิจารณาสังขาร ไปตามที่เป็นจริง แล้วก็ปล่อยวางทำจิตให้ว่าง เป็นชีวิตนิรันดรก็จะเกิดขึ้น ก็คือพระนิพพานนั่นเอง ไม่มีความทุกข์ ไม่มีปัญหา เอาล่ะครับ ต่อไปปฏิบัตินิดๆหน่อยๆ 5นาที 10นาที ตามเวลาที่มี