แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ต่อไปนี้ขอให้พวกเราที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ทุกรูป ทุกองค์ ไม่ว่าบวชเก่า หรือบวชใหม่ รวมทั้งแม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ที่นั่งอยู่ ณ บริเวณนี้ ขอให้ตั้งใจเตรียมตัวที่จะปฏิบัติธรรม ในเวลาที่ดีที่สุดของวัน การปฏิบัติธรรม
คือการเลื่อนชีวิตของเราให้สูงขึ้นสูงขึ้น มนุษย์เราทุกคนรวมทั้งสัตว์เดรัจฉานทุกชนิดที่เกิดมามีสัญชาตญาณ
ที่เหมือนๆ กัน
1. รู้จักกินอาหาร ซึ่งไม่ต้องมีใครสอน
2. ต้องการหลับนอน
3. กลัวภัย
4. สืบพันธ์
สัตว์มนุษย์กับสัตว์เดรัจฉานเหมือนกัน ที่มนุษย์ประเสริฐว่าสัตว์เดรัจฉานก็เพราะมีคุณธรรมนั่นเอง คุณธรรมนี่เราต้องปฏิบัติ เมื่อคืนพระอมรเทพ ท่านมาเทศน์ได้พูดถึงเรื่องจริต จริต คือ สิ่งที่มีเรา ในชีวิตของเรา ติดมากับชีวิต เป็นประเภทสัญชาตญาณเหมือนกัน ราคะจริต โทสะจริต โมหะจริต วิตกจริต ศรัทธาจริต พุทธิจริต คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนหนักไปในทางราคะ ชอบสวย ชอบงาม ชอบแต่งเนื้อแต่งตัว โทสะจริตคนหนักไปในทางโกรธ หงุดหงิดง่าย ขี้โมโหโทโส บางคนหนักไปในทางทึมทึม ไม่ค่อนสนใจอะไร พวกโมหะจริต บางคนหนักไปในทางเชื่อง่าย ใครพูดอะไรต่างๆ ก็เชื่อทันที บางคนหนักในทางกังวลเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องนั้นเอามาเป็นกังวล บางคนอยากรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นพุทธิจริต มันเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งในชีวิตของเรา ทำไมมนุษย์ไม่เหมือนกัน ก็คงเนื่องมาจากหลายสาเหตุ เนื่องจากกรรมพันธุ์ที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราได้เป็นกันมา ถ่ายทอดยีน ถ่ายทอดกรรมพันธุ์ในชีวิตของเรา แต่ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ประเสริฐ สำหรับแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ทำให้มีภาวิตญาณ ภาวิตญาณคือ สัญชาตญาณที่เรามีแต่เดิมเอามาต่อยอดให้เป็นภาวิตญาณ ต้องการอบรมนั่นเอง ธรรมะของพระพุทธเจ้าเหมือนกับยารักษาโรคโดยเฉพาะโรคทางด้านจิตใจ พระพุทธเจ้าตรัสว่าบางคนมีอายุ 60 ปี 70 ปี 80 ปี 90 ปี 100 ปี 120 ปี บางคนอยู่ได้ถึง 120 ปี กัปหนึ่ง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บรบกวน โรคทางร่างกาย โรคทางด้านจิตใจพระพุทธเจ้าตรัสว่ายกเว้นพระอรหันต์ก็ยังมีกันทุกคน โรคกิเลส สังเกตดูว่าแต่ละวันๆ กิเลสเกิดในจิตใจมากน้อยแค่ไหน กิเลสมันมีมากมาย เช่น อุปกิเลสมีถึง 16 อย่าง
ไปศึกษาอุปกิเลสดูมีถึง 16 อย่าง แต่ว่ากิเลสที่แสดงออกทั้ง 16 อย่างเนี่ยมันก็รวมอยู่ในกิเลสแม่ 3 อย่าง ท่านอาจารย์พระพุทธทาสยกตัวอย่างกิเลสมาให้เราพิจารณา ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความหึง ความหวง อาลัยอาวรณ์ วิตกกังวล เหล่านี้เป็นพวกกิเลส ยังมีอยู่หรือเปล่า ในชีวิตประจำวันของเรามีพวกนี้หรือเปล่า ยกเว้นพระอรหันต์ ยังมีกันทั้งนั้นตามมากตามน้อย มีกิเลสชนิดหนึ่งที่น่าสังเกต คือ เรื่องมีตัวตนไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ปรารภตน เอาตนเป็นที่ตั้งเอาตนเป็นตัวอย่าง มันเป็นสัญชาตญาณที่มีตัวตน อันนี้ลดไปหรือเปล่าหรือว่าเพิ่มขึ้นๆ ถ้าเพิ่มขึ้นหมายความว่ามันไม่ก้าวหน้าในทางธรรมะ ถ้ายังมีตัวตน พูดกับใครต้องเอาตัวตนของตนออกมาพูด มาแสดงให้คนอื่นได้ยินได้ฟังว่าผมเป็นอย่างนั้น ฉันเป็นอย่างนี้ เพราะนั่นตัวตนทั้งนั้น นั่นเป็นกิเลสที่อยู่ในชีวิตของเรา ในการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาความหมายต้องการทำให้ความทุกข์มันหมด ความทุกข์มันมาจากกิเลสเหล่านี้ทั้งนั้น มาจากราคะหรือโลภะ ราคะกับโลภะเป็นกิเลสประเภทเดียวกันที่ต้องการจะดึงเข้ามา ท่านอาจารย์พระพุทธทาสท่านอธิบายให้เห็นลักษณะของกิเลส สังเกตไม่ยาก กิเลสประเภทราคะ คือ ต้องการเอาเข้ามา มากอด มารัดมาหวงเอาไว้ กิเลสประเภทราคะ กิเลสประเภทโทสะ เช่น ความโกรธ คือ ความไม่ต้องการ จะผลักออกไป ต้องการจะทำลายเสียวินาศ กิเลสประเภทโมหะมันเกิดขึ้นวนเวียน ไม่รู้ว่าจะเอาเข้ามาดีหรือผลักออกไปดี ท่านอธิบายให้รู้จักสังเกต และการที่เราจะเห็นกิเลสต้องมีการมองเข้ามาข้างใน ต้องมีการปฏิบัติธรรมนั่นเอง โดยเฉพาะการนั่งสมาธิเป็นโอกาสให้เห็นกิเลสได้ง่าย ถ้าเวลาอื่นบางทีไปสนใจเรื่องอื่น สนใจที่อยู่ข้างนอก ไปสนใจคนอื่นเรื่องคนอื่น ไม่มีโอกาสมาสนใจจิตใจของเราเอง เรายังไม่ก้าวหน้า พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่าไปสนใจเรื่องคนอื่นว่าเขาทำแล้วหรือไม่ได้ทำอะไร เป็นอย่างไร ไม่ต้องไปสนใจ เป็นเรื่องของคนอื่น มาสนใจเรื่องตนเอง ว่าจิตใจเป็นอย่างไรบ้าง มีราคะ มีโทสะ มีโมหะเกิดขึ้นรบกวนจิตใจหรือเปล่า ถ้ากิเลสยั้งเข้ามารบกวนจิตใจ ให้รีบเร่งอย่าปล่อยให้ไฟไหม้ศีรษะต้องรีบหาน้ำดับ ไฟไหม้ศีรษะถ้าปล่อยให้ไหม้ มันก็เผาจนตายได้ ต้องรีบดับเสีย วิธีที่ดับกิเลส กิเลสที่เกิดบ่อยๆเนื่องด้วยจริตเหล่านี้ ราคะจริตที่มันง่ายที่จะเกิด พวกราคะโดยเฉพาะระหว่างเพศ พระพุทธเจ้าก็สอนเป็นยาเฉพาะรักษา คือ ให้พิจารณาอสุภะกรรมฐาน ทำให้มาก อบรมให้มาก พิจารณาอสุภะกรรมฐานก็เห็นว่าไม่งาม ปฏิกูลน่าเกลียด ให้พิจารณาซากศพ ลักษณะต่างๆ ศพที่ตายแล้ววันเดียวบ้าง 2 วันบ้าง ศพที่ขึ้นพอง ศพที่ถูกตัด ถูกฆ่าเป็นท่อนๆ ศพที่เหลือแต่กระดูก อย่างกระดูกที่เอามาแขวนไว้ พวกที่มีราคะรบกวนจิตใจบ่อย ๆ ก็พยายามอบรมเอาชนะให้ได้นี้เป็นยาเฉพาะ แก้เฉพาะโรค ถ้ามีโทสะพยายามเจริญเมตตาให้มากๆ เมตตาเนี่ยมันข่มขี่เอาชนะกิเลสประเภทโทสะจริต ต้องทำให้มาก ทำให้มาก ถ้าเราทำมากในเรื่องใดจิตใจก็น้อมเอียงไปในเรื่องนั้น
การปฏิบัติธรรม คือ การปรับปรุงจิตใจ อบรมจิตใจให้มันเปลี่ยน ให้มันเดินถูกทาง ไปสู่ความดับทุกข์ ความไม่มีทุกข์นั่นเอง พระพุทธเจ้าสอนไว้ทุกแง่ทุกมุมเรื่องกรรมฐาน กรรมฐานเป็นที่ตั้งแห่งการงานและจิตใจ หนึ่งกรรมฐานหลักที่ต้องปฏิบัติให้มากขึ้นมากขึ้น เราอยู่ที่สวนโมกข์ กรรมฐานหลักที่จะเจริญอานาปานสติ 16 ขั้น เป็นกรรมฐานหลัก กรรมฐานเฉพาะเรื่องๆก็ควรรู้ เช่น เวลาระคะเกิดจะแก้ไขให้เบาบางอย่างไร โทสะเกิด แก้ไขอย่างไร โมหะเกิด แก้ไขอย่างไร วิตกจริตเกิด แก้ไขอย่างไร ต้องแก้ไขมัน รวมแล้วไม่ประมาทนั่นเอง สำหรับพระใหม่ที่บวชกันเข้ามายังใหม่ นิสัยฆราวาส ยังติดชีวิตฆราวาส ถ้าไม่ตั้งใจที่จะปฏิบัติบางทีแสดงออกอย่างฆราวาส ไม่สำรวม ไม่ระวัง ขาดสติ ไม่มีสัมปชัญญะก็พลาดได้ เวลาสามเดือนในพรรษาให้พระใหม่ทุกรูปทุกองค์ ตั้งใจที่จะปฏิบัติเพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ตัวเองจะได้ก้าวหน้า เปลี่ยนสัญชาตญาณให้มาเป็นภาวิตญาณ และอบรมคุณธรรมให้มากขึ้น ๆ ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ได้จิตใจของเราจะทนต่ออารมณ์
ฆราวาสเนี่ยมันเต็มไปด้วยอารมณ์ หนักอกหนักใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ ฆราวาสส่วนใหญ่โดยคนที่ยังหนุ่ม บางที บางรูปยังไม่มีครอบครัว พอไปมีครอบครัวก็ต้องแบกครอบครัว ภรรยาต่อไปพอมีลูกตามมา มันล้วนเป็นภาระกับเรา ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ชีวิตครองเรือนฆราวาสก็จะมีปัญหา ไม่เฉพาะการมีครอบครัว ผู้หญิงผู้ชายก็ได้ ตอนแรกรูปร่างหน้าตาก็สวยก็งาม อยู่ในวัยหนุ่มวัยสาว มาแต่งงาน ภรรยาก็เช่นเดียวกันจะมัวแต่งเนื้อแต่งตัวให้สามีชอบก็ไปไม่รอด ต้องทำมาหากิน ทำงานทำการก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัว สามีคุมจิตใจตัวเองไม่ได้ก็ไปต้องการผู้หญิงคนอื่น ครอบครัวต้องแตกอยู่ไม่ได้ ต้องมีหักร้าง นั่นเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ถ้ามาปฏิบัติธรรมให้เข้าใจธรรมะออกไปเป็นฆราวาส
ถ้าจะมีครอบครัว ก็เลือกให้ดี พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า ผู้หญิงก็ดี ผู้ชายก็ดีจะมีกรรมหลักอยู่ 3 อย่าง 1. กำลังรูปสวย 2. กำลังทรัพย์ รวยทรัพย์ 3. กำลังศีล มีคุณธรรม มีกตัญญูกตเวที มีความละอายต่อบาป มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา อย่างนี้เป็นต้น เมื่อเราเลือกดีแล้วก็ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน เลิกคิดถึงผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด ไม่คิดอีกต่อไป ผู้หญิงก็เหมือนกัน ถ้ามีสามีแล้วไม่คิดถึงชายอื่น บังคับใจได้ ชีวิตครอบครัวก็ไม่มีปัญหา มีลูก มีหลานเกิดมา ลูกหลานเห็นเอาบิดามารดาเป็นตัวอย่าง ปัญหาในตระกูลนี้ไม่ค่อยมี นี่คือประโยชน์เรียกว่าเป็นคนสุก ถ้าไม่ได้บวชอยู่เป็นคนดิบอยู่ พอบวชเข้ามา มาศึกษาเรียนรู้มาหัดบังคับตัวเอง ในสามเดือนบังคับตัวเองได้ นี่คือประโยชน์สี่จะเกิดในชีวิตของเรา ขอให้พระใหม่เข้ามาบวชมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาชีวิตให้สูงขึ้น สูงขึ้น จนกระทั่งได้เข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้า
ในครั้งพุทธกาล คนเป็นฆราวาสครองเรือนเป็นพระอริยะเจ้าปฏิบัติตนระดับโสดาบันนับไม่ถ้วน ความหมายก็ดำเนินชีวิตให้สูงขึ้นๆ จนกระทั่งเป็นพระอริยะ แปลว่าไกลจากข้าศึก พระโสดาบันมีคุณสมบัติ คือ 1. ละสักกายทิฐิ เป็นกิเลส ชนิดของกายแต่ละแบบ เห็นว่ากายนี้เป็นของตน ความเห็นผิดว่ากายนี้ ชีวิตนี้เป็นของตนละได้ 2. วิจิกิจฉา ลังเล สงสัยในพระรัตนตรัย สงสัยว่าพระพุทธเจ้าดีจริง พระธรรม พระสงฆ์ดีจริงหรือไม่ดีจริง งดความสงสัย เพราะละสีลัพพตปรามาส งมงาย เชื่อของขลังศักดิ์สิทธิ์ เชื่อฤกษ์เชื่อยาม ไม่มีแล้ว แต่ว่าเชื่อกรรม เห็นชัดเจนว่าจะดีจะชั่วอยู่ที่การกระทำของเรา ละกิเลส 3 อย่างนี้ได้ ก็ว่าสังโยชน์ ที่ผูกพันที่ติดอยู่ในกองทุกข์ สักกายทิฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ให้มีศรัทธาเหลื่อมใส ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลนในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีอริยกันตศีล คือศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ สิ่งที่ชาวพุทธปฏิบัติก็คือ ศีล 5 นั่นเอง ไม่ฆ่า ไม่ลักล่วงเกินของลับ ไม่โกหก ไม่เสพของมึนเมา อย่างพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบัน ปิดอบายที่จะร้อนใจเหมือนอย่างตกนรกเหมือนอย่างเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอสุรกาย ไม่มีแล้ว ปิดอบาย มีแต่ก้าวไปข้างหน้าสูงขึ้นสูงขึ้น ไปสู่ความดับทุกข์ สูงขึ้นเกือบพระอรหันต์
ในครั้งพระพุทธกาลมีผู้บรรลุคุณธรรมระดับพระอนาคามีก็มี เป็นพระอรหันต์มีน้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นพระอรหันต์ใช้ชีวิตแบบบรรพชิตส่วนใหญ่ เป็นพระอรหันต์แล้ว ชีวิตของฆราวาสไม่ได้ถูกกับคุณสมบัติของพระอรหันต์ เมื่อบรรลุพระธรรมแล้ว ถ้าหากถือโอกาสเป็นบรรพชิตเป็นเรื่องของจิตใจนั่นเอง จิตใจมนุษย์เราสามารถเลือกได้ มาอยู่ที่สวนโมกข์สถานที่ปฏิบัติธรรม ทุกองค์ทุกรูป แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา อย่าได้ประมาทเลย ปฏิบัติธรรมหนึ่งใช้กรรมฐานหลัก ใช้อานาปานสติ พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้เจริญอานาปานสติ ให้เจริญสติปัฎฐาน 4 ดำรงโพชฌงค์ทั้ง 7 ให้ทำวิชาและวิมุตให้แจ่มแจ้ง ก็เจริญอานาปานสติ แก้ไขปัญหา กิเลสทุกชนิดถ้าใครทำสำเร็จ อานาปานสติจะบอกขั้นสรุปแล้ว ได้สมาธิสมถะก่อน พอได้สมถะก็เจริญวิปัสสนา เห็นสังขารทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริงไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ตัวตน ที่มีบางข่าวกิเลสที่มันเนื่องด้วยจริตเหล่านี้คอยรบกวนก็แก้ไขเฉพาะ ถ้าเกิดราคะก็ให้พิจารณา ให้เห็นว่าไม่งาม ปฏิกูล เจริญพิจารณาซากศพเพื่อจะเบื่อหน่ายกายขันธ์ ถ้าจิตมันคอยโกรธหงุดหงิดก็พยายามเจริญเมตตาให้มาก ให้มีเมตตาอยู่เป็นประจำเป็นวิธีแก้ไข
ถ้าจิตใจยังลังเลสงสัยก็พยายามที่จะใคร่ครวญพิจารณาหาเหตุผล นี่ก็คือการปฏิบัติธรรม อยู่ที่นี่ กายเนื่อง วาจานึก จิตใจนี่เอง ทางกาย ทางวาจานี่เป็นเรื่องของศีล จิตใจเป็นเรื่องของสมาธิ ของปัญญา แต่ว่าศีลก็มาจากจิตใจมาจากเจตนาเหมือนกัน สรุปแล้วใจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ลำดับต่อไปนี้ก็ปฏิบัติธรรมกัน ปฏิบัติกรรมฐานหลักอานาปานสติเป็นขั้น เป็นขั้น อานาปานสติขั้นที่อยู่กับลมหายใจเข้ายาวออกยาว เวลาเล็กๆน้อยๆ เนี่ยก็ปฎิบัติอานาปานสติขั้นหนึ่งๆ หายใจเข้าก็ตาม ไม่หายใจก็ตามมา ถ้าทำสำเร็จได้ต้องมีสติมีสัมปชัญญะและมีความเพียร เป้าหมายของการปฏิบัติอานาปานสติเพื่อละอภิชฌาหรือโทมนัสซึ่งก็คือกิเลสนั่นเอง อภิชฌายินดีกับกิเลสประเภทราคะ โลภะ โทมนัสไม่พอใจกับกิเลสประเภทโมหะ
โทสะและโมหะนี้มันเกิดร่วม เกิดราคะโมหะก็เกิด เกิดโทสะโมหะก็เกิด มันทำให้เห็นว่ากิเลสตรงนี้ก็เป็นแต่เพียงสังขารมีเหตุมีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ก็นั่งพิจารณา อิริยาบถอื่นก็ทำได้ ขณะที่เดินก็พิจารณาได้ ยืนก็พิจารณาได้ อิริยาบถยืนก็น่าสนใจเหมือนกัน เพราะว่าคนยืนนิ่งๆเนี่ยพิจารณา พิจารณาได้เยอะมากเหมือนกัน พระพุทธเจ้าเคยยืนเพ่งต้นมหาโพธิ์เป็นเวลาถึง 7 วัน อิริยาบถยืนเป็นอิริยาบถที่น่าสนใจเหมือนกัน นอกจากอิริยาบถนั่ง อิริยาบถนอนเนี่ยมันง่ายที่จะหลับ อิริยาบถยืน อิริยาบถนั่ง อิริยาบถเดิน เรียกฝึกกามสุขัลลิกานุโยค ฝึกไปทั้งวันๆ กลางวันทั้งวัน กลางคืนประมาณถึงสี่ทุ่มถึงนอน ตีสองตื่นมาก็ฝึกแบบนั้นจริงๆ เรียนชาคริยานุโยค ฝึกนิดๆหน่อยๆ ถ้าใครสนใจก็ฝึกข้างหน้าได้ในพรรษาสาม จิตใจต้องสงบลง ต้องทนต่ออารมณ์ร้อนอารมณ์ร้ายได้ ตัวตนลดลงลดลง สังเกตว่าตัวตนยังมีอยู่มันน้อยแค่ไหนเป็นเครื่องวัด ถ้าเห็นใครเปรียบเทียบเราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา มีหรือเปล่า ถ้ามีตัวตนแสดงว่ากิเลสมันยังไม่ได้ลดไม่ได้เบาบาง ก็ตั้งใจปฏิบัติกันต่อไปนี้